เป็นคำถามที่ลูกค้าหลายๆท่านคิด เมื่อต้องการติดตั้งกล้องวงจรปิด ซึ่งกล้องวงจรปิดในประเทศไทยมีหลายยี่ห้อ แต่ละยี่ห้อมีจุดเด่น จุดด้อย และตลาดลูกค้าที่แตกต่างกันออกไป ซึ่งเราสามารถแบ่งออกเป็นกลุ่มใหญ่ๆ ตามตลาดของลูกค้าได้ดังนี้
1. ตลาดHi-End สินค้ายุโรป : นิยมใช้ในกลุ่มลูกค้าราชการ หรือในงานที่ต้องการใช้คุณสมบัติพิเศษอื่นๆของกล้องวงจรปิด เช่น ดูงานใต้น้ำ, ป้องกันแรงสั่นสะเทือนหรือแรงระเบิดได้,ติดบนเครื่องบินเพื่อดูภาพจากระยะที่ไกลเป็นกิโลเมตร,สปีดโดมความเร็วสูง เป็นต้น
2. ตลาดUpper Mass สินค้าญี่ปุ่น : กลุ่มบริษัทชั้นนำ หรือกลุ่มลูกค้าที่ต้องการกล้องวงจรปิดที่มีความเสถียรสูงคุณภาพและอายุการใช้งานสูง ให้ความสำคัญกับระบบรักษาความปลอดภัยสูง
3. ตลาดMass สินค้าไต้หวันและสินค้าBrand Nameจากจีน : กลุ่มลูกค้าทั่วไปที่ต้องการทั้งคุณภาพของกล้องวงจรปิดที่ดีและราคาที่ไม่สูงมากนัก
4. ตลาดLow-End สินค้าจากจีน : กลุ่มลูกค้าที่เน้นเรื่องราคาถูกเป็นหลัก ไม่สนใจคุณภาพของกล้องวงจรปิดมากนัก
ตัวอย่างแบรนด์สินค้า ข้อดีและข้อเสีย ของสินค้าในแต่ละกลุ่ม
• ตลาดHi-End
ตัวอย่างแบรนด์สินค้า : Bosch, Pelco
– กล้องวงจรปิดมีคุณภาพสูงมาก อายุการใช้งานบางรุ่นใช้ได้ถึง 10 ปี งานประกอบมีความละเอียดอ่อน
วัสดุที่ใช้ในการผลิตมีคุณภาพสูง เหมาะสำหรับงานโปรเจคใหญ่ เช่น สนามบิน ท่าเรือ สนามกีฬาระดับโลกโรงงานอุตสาหกรรมขนาดใหญ่ เป็นต้น เพราะงานเหล่านี้จะเป็นงานที่ต้องไม่มีการผิดพลาดของระบบ มีความเสถียรและมีอายุการใช้งานยาวนาน แน่นอนว่าสิ่งที่ตามมาคืองบประมาณที่สูงมาก แต่ก็ถือว่าคุ้มค่าแน่นอนกับคุณภาพที่ได้
• ตลาดUpper Mass
ตัวอย่างแบรนด์สินค้า : Panasonic, Sony, Samsung
– กล้องวงจรปิดมีคุณภาพสูง งานประกอบดี วัสดุที่ใช้ในการผลิตมีคุณภาพ อายุการใช้งานสูง มีความเสถียรในการใช้งานสูง มีความยืดหยุ่นในการใช้งาน นิยมใช้ในงานราชการ งานบริษัทชั้นนำหรือกลุ่มลูกค้าที่มีงบประมาณอยู่บ้าง เพราะ ราคาค่อนข้างสูง
• ตลาดMass
ตัวอย่างแบรนด์สินค้า : AVTECH, Dahua, HIKVISION
– กล้องวงจรปิดมีราคาถูก ถ้าเทียบกับคุณภาพที่ได้ อายุการใช้งานบางรุ่นใช้ได้ถึง 5ปี งานประกอบค่อนข้างดีมีความเสถียรในการใช้งาน เหมาะสำหรับงานทั่วๆไปที่ต้องการกล้องวงจรปิดที่มีคุณภาพ แต่ราคาไม่สูงมากนักจึงเป็นที่นิยมในท้องตลาดมากที่สุด
• ตลาดLow-End
ตัวอย่างแบรนด์สินค้า : แบรนด์OEM หรือแบรนด์ที่ตั้งขึ้นเอง
– กล้องวงจรปิดประเภทนี้ คือ กล้องวงจรปิดที่สั่งทำจากจีนแล้วตีตราเป็นแบรนด์สินค้าของตัวเอง ซึ่งมีอยู่หลายยี่ห้อมากในประเทศไทย จุดเด่นของกล้องวงจรปิดประเภทนี้ คือ ราคาที่ถูกมากๆ จึงทำให้ลูกค้าหลายๆท่านสะดุดตากับราคานี้ แล้วนำไปเปรียบเทียบกับประเภทอื่นที่ได้กล่าวไว้ข้างต้น แล้วก็บอกว่ายี่ห้อแบรนด์เนม “แพง” แต่จริงๆแล้วกล้องวงจรปิด OEM ที่ราคาถูกมากนั้นมาพร้อมกับคุณภาพของกล้องที่ไม่ค่อยจะดีสักเท่าไหร่ อายุการใช้งานบางรุ่นแค่ 6เดือนก็หมดสภาพแล้ว สัญญาณภาพไม่เสถียร ภาพที่ได้จึงไม่ชัด งานประกอบไม่ดีเท่าที่ควร หลังจากที่ลูกค้าจ่ายเงินไป อาจจะดีใจได้สักพักที่ได้ของราคาถูก แต่ก็ต้องมาเสียใจทีหลังกับคุณภาพที่ได้ และการที่ต้องเรียกช่างซ่อมบ่อยๆ บางบริษัทก็เน้นขายกล้องอย่างเดียว คือมาติดตั้งเสร็จก็หายไปเลย โทรตามก็ไม่รับ รับก็ไม่มา มาก็แก้แล้วแก้อีก
ดังนั้นการที่ลูกค้าจะได้ใช้ประโยชน์สูงสุดจากระบบกล้องวงจรปิดนั้น จะดูที่ราคาอย่างเดียวไม่ได้ต้องดูที่คุณภาพ และจุดประสงค์ในการใช้งานของเราด้วย